"ด้วยลักษณะทุ่งหญ้ากว้างของทุ่งกะมัง ที่เหมาะกับแหล่งอาศัยของเนื้อทราย สถานีเพาะพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จึงนำเนื้อทราย 8 ตัว มาปล่อยในปี 2533 ตอนนี้เนื้อทรายขยายพันธุ์ และปรับตัว จนมีจำนวนเพิ่มขึ้นประมาณ 250 ตัวแล้ว" ข้อมูลจากประสิทธิ์ คำอุด หรือ อาเฌอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริมและเผยแพร่
ทุ่งกะมัง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ เป็นที่อยู่อาศัยของเนื้อทรายฝูงใหญ่ สามารถพบเห็นเนื้อทรายออกมาหากินตามทุ่งได้ง่ายและใกล้ชิดตลอดทั้งวัน
เนื้อทราย คือกวางชนิดเล็ก มีลักษณะตัวป้อม ขาสั้น ความพิเศษคือสีขนสามารถเปลี่ยนไปตามภูมิอากาศ ชอบอาศัยตามทุ่งหญ้า ป่าโปร่ง ที่มีแหล่งน้ำใกล้ๆ สภาพพื้นที่ทุ่งกะมังแห่งนี้จึงเหมาะเป็นแหล่งอาศัยของเนื้อทราย เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของเนื้อทราย
ช่างภาพสัตว์ป่ามือใหม่ มือเก่าและนักนิยมธรรมชาติ มาที่นี่ มักไม่ผิดหวัง เช่นเดียวกับ ด.ช.จอมทัพ เจริญลาภนำชัย
จอมทัพ เป็นช่างภาพรุ่นเยาว์ วัย 10 ปี มาที่ทุ่งกะมังจนคุ่นเคยเหมือนเป็นญาติสนิท ติดตามพี่อาเฌอ เข้าป่า เพื่อถ่ายภาพธรรมชาติและสัตว์ป่าอยู่เสมอๆ พี่อาเฌอมักให้ความรู้แก่ จอมทัพ พร้อมๆกับนำทางเข้าทุ่ง เพื่อถ่ายภาพธรรมชาติด้วยกัน
“เวลามาที่ทุ่งกะมัง ส่วนใหญ่ผมก็จะถ่ายภาพเนื้อทรายตอนเช้าๆ เพราะตอนเช้าที่ทุ่งจะมีหมอก ภาพที่ออกมาจะสวยครับ” จอมทัพเล่า
การที่ช่างภาพธรรมชาติจะได้ภาพที่ดีนั้น จะต้องรู้ถึงลักษณะพฤติกรรมสัตว์ การหาอยู่หากิน รวมไปถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการถ่ายภาพสัตว์ชนิดนั้นๆ อย่างเช่น ในเวลาเช้าตรู่ จะพบเนื้อทรายออกมากินหญ้าอ่อน สดใหม่หากิน พร้อมกับมีหมอกจางๆ และแสงแดดอ่อนๆ
ทุ่งกะมัง นอกจากจะเป็นสวรรค์ของเนื้อทรายแล้ว ยังเป็นสวรรค์ของช่างภาพธรรมชาติด้วย เพราะที่นี่มีเนื้อทรายให้เห็นได้ง่าย พบได้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้า ไปจนถึงช่วงกลางวันที่แดดแรง เนื้อทรายอาจหลบเข้าร่มไม้บ้าง แต่ก็ยังมีเนื้อทรายให้เห็น เหตุนี้ทำให้ช่างภาพสามารถสร้างสรรค์มุมมองได้หลากหลาย
“หลายครั้งที่เข้ามาถ่ายภาพกับเด็กๆ อย่างจอมทัพ ผมมีโอกาสได้สอนเรื่องราวต่างๆให้เขา อย่างเช่นพฤติกรรมสัตว์ที่เราต้องเรียนรู้เพื่อไม่ให้เป็นภัยกับสัตว์และตัวเรา” พี่อาเฌอกล่าว
การเข้าทุ่งมายังแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าตามธรรมชาติ ทำให้ได้พบเห็นโลกของสัตว์ป่าที่มนุษย์อย่างเราไม่ควรเข้าใกล้ จอมทัพเองก็เคยมีประสบการณ์นี้มาแล้ว
“เนื้อทรายถูกหมาในกัด และตาบอดทั้งสองข้างครับ”
“เมื่อเราพบเห็นเนื้อทรายหรือสัตว์ป่าถูกสัตว์นักล่ากัด เราไม่ควรทำอะไร ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะธรรมชาติแล้ว นี่คือห่วงโซ่อาหาร อย่างเช่น หากเราเข้าไปช่วยเนื้อทรายตัวนั้น หมาในที่ตามกลิ่นมา ไม่เจอกลิ่น หมาในก็จะไปตามกัดเนื้อทรายตัวอื่นๆ ต่อไป เราต้องยอมเสียเนื้อทรายตัวนี้เพื่อไม่ให้เสียเนื้อทรายเพิ่มอีก…มันคือห่วงโซ่อาหาร” พี่อาเฌอกล่าว
ในทุ่งกะมังแห่งนี้ มีจำนวนเนื้อทรายมากกว่าหมาใน การที่ห่วงโซ่อาหารถูกจัดระบบไปตามธรรมชาติ สัตว์ต่างๆ จะมีสมดุลของจำนวนประชากร ไม่มีอะไรมากไป หรือน้อยไป นี่คือสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่ออยู่บนโลกใบเดียวกันนี้อย่างสมดุล
นอกเหนือจากการได้ภาพสวยๆ แล้ว จอมทัพ ยังได้เรื่องราวต่างๆ ที่เป็นความรู้ ความประทับใจ กลับไปเป็นแรงบันดาลใจในการทำสิ่งที่ชอบอีกมากมาย
ทุ่งกะมัง ไม่ใช่เพียงบ้านของสัตว์ป่าอันหลากหลาย แต่ยังเป็นสถานที่ที่มอบความทรงจำดีๆ ให้แก่นักท่องเที่ยว ช่างภาพธรรมชาติ โดยเฉพาะจอมทัพ ช่างภาพรุ่นเล็กที่ประทับใจจนมานับครั้งไม่ถ้วน
มารู้จักธรรมชาติและสัตว์ป่าในทุ่งกะมัง จ.ชัยภูมิ ผ่านเลนส์ของจอมทัพ ได้ในรายการทุ่งแสงตะวัน ตอน จอมทัพ กับโลกผ่านเลนส์ ในวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2562 เวลา 6.25 น. ทางช่อง 3 ช่อง 33